Advertising
การโฆษณา (Advertising) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลหรือแจ้งข้อมูลให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงการมีอยู่ของสินค้าและบริการขององค์กร ตลอดจนกระตุ้นความต้องการ
การโฆษณาในปัจจุบันสามารถทำได้หลากหลายช่องทาง เช่น โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อ Outdoor เป็นต้น การทำโฆษณานั้นองค์กรสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองหรือจ้าง Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการก็ย่อมทำได้ การโฆษณาที่ดีในปัจจุบันควรคำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรมของโฆษณา เช่น ไม่ควรโจมตีคู่แข่งขันว่าไม่ดีอย่างไร แต่ให้ใช้มุมมองว่าสินค้าของเรามีดีและจุดเด่นอะไรที่สินค้าอื่นไม่ดี แสดงให้เห็นว่าสินค้าอื่นดี แต่สินค้าขององค์กรมีดีกว่า หรือไม่ควรโฆษณาหลอกหลวงผู้บริโภคด้วยข้อความเท็จ หรือเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่สามารถทำได้
ลักษณะของการโฆษณามีดังนี้
1. การโฆษณาเป็นการสื่อสารจูงใจ เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อโดยวิธีการพูด การเขียนหรือการสื่อความหมายใด ๆ ที่มีผลให้ผู้บริโภคเป้าหมาย คิดคล้อยตาม กระทำตามหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามที่ผู้โฆษณาต้องการ
2. การโฆษณาเป็นการจูงใจด้วยเหตุผลจริงและเหตุผลสมมติ การจูงใจโดยบอกคุณสมบัติทีjเป็นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์
3. การโฆษณาเป็นการนำเสนอ สื่อสารผ่านสื่อมวลชนประเภทต่างๆ เพื่อกระจายข่าวสารให้รวดเร็วและเป็นวงกว้าง
4. การโฆษณาเป็นการเสนอขายความคิด สินค้า และบริการ โดยใช้วิธีการจูงใจให้ผู้บริโภค เกิดความพอใจเกิดทัศนคติที่ดี อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการซื้อสินค้า หรือบริการที่เสนอขาย
5. การโฆษณาต้องระบุผู้สนับสนุนหรือตัวผู้โฆษณา ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อความเชื่อถือของผู้บริโภค เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นว่า เป็นการโฆษณาสินค้ามิใช่การโฆษณาชวนเชื่อ
6. การโฆษณาต้องจ่ายค่าตอบแทนในการโฆษณาในสื่อต่าง ๆ เช่น วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วารสารและนิตยสาร เป็นต้น ดังนั้นผู้โฆษณาจะต้องมีงบประมาณ เพื่อการโฆษณาสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ด้วย
การโฆษณาในปัจจุบันสามารถทำได้หลากหลายช่องทาง เช่น โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อ Outdoor เป็นต้น การทำโฆษณานั้นองค์กรสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองหรือจ้าง Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการก็ย่อมทำได้ การโฆษณาที่ดีในปัจจุบันควรคำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรมของโฆษณา เช่น ไม่ควรโจมตีคู่แข่งขันว่าไม่ดีอย่างไร แต่ให้ใช้มุมมองว่าสินค้าของเรามีดีและจุดเด่นอะไรที่สินค้าอื่นไม่ดี แสดงให้เห็นว่าสินค้าอื่นดี แต่สินค้าขององค์กรมีดีกว่า หรือไม่ควรโฆษณาหลอกหลวงผู้บริโภคด้วยข้อความเท็จ หรือเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่สามารถทำได้
ลักษณะของการโฆษณามีดังนี้
1. การโฆษณาเป็นการสื่อสารจูงใจ เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อโดยวิธีการพูด การเขียนหรือการสื่อความหมายใด ๆ ที่มีผลให้ผู้บริโภคเป้าหมาย คิดคล้อยตาม กระทำตามหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามที่ผู้โฆษณาต้องการ
2. การโฆษณาเป็นการจูงใจด้วยเหตุผลจริงและเหตุผลสมมติ การจูงใจโดยบอกคุณสมบัติทีjเป็นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์
3. การโฆษณาเป็นการนำเสนอ สื่อสารผ่านสื่อมวลชนประเภทต่างๆ เพื่อกระจายข่าวสารให้รวดเร็วและเป็นวงกว้าง
4. การโฆษณาเป็นการเสนอขายความคิด สินค้า และบริการ โดยใช้วิธีการจูงใจให้ผู้บริโภค เกิดความพอใจเกิดทัศนคติที่ดี อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการซื้อสินค้า หรือบริการที่เสนอขาย
5. การโฆษณาต้องระบุผู้สนับสนุนหรือตัวผู้โฆษณา ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อความเชื่อถือของผู้บริโภค เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นว่า เป็นการโฆษณาสินค้ามิใช่การโฆษณาชวนเชื่อ
6. การโฆษณาต้องจ่ายค่าตอบแทนในการโฆษณาในสื่อต่าง ๆ เช่น วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วารสารและนิตยสาร เป็นต้น ดังนั้นผู้โฆษณาจะต้องมีงบประมาณ เพื่อการโฆษณาสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ด้วย
Comments
Post a Comment